"ชัย แนะลงทุนโรงพยาบาล-พลังงาน"
"ชัย โสภณพนิช" เกจิด้านการลงทุน หุ้น 'แนะ'ลงทุน กลุ่มโรงพยาบาล รถEV พลังงาน ผลตอบแทนสูง ประกาศแผนปีนี้ กรุงเทพประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยฯ 30,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 12.5 ชูผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและบริการประทับใจ เสริมทัพเทคโนโลยี ตอกย้ำการเป็น Data-Driven Organization พร้อมมาตรการเสริมความปลอดภัย
ด้านไซเบอร์
ชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) กล่าวกับ นิตยสารไอคลิกแมกดอทคอม www.iclickmag.com ว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้สุทธิจากการลงทุน 6,254 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่เกิดจากกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 5,100 ล้านบาท และที่เหลืออีกกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล โดยกำไรจากการขายหุ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท มาจากการขายหุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ซึ่งจนถึงสิ้นปี 2565 ยังมีกำไรจาก BH อยู่อีกประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้นค่อนข้างสูงกว่าต้นทุนที่ซื้อไว้มาก ขณะเดียวกัน ก็มีกำไรจากการขายหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) อีกตัวละ 500 ล้านบาท
ทิศทางการบริหารพอร์ตลงทุนปีนี้ จะล้อไปกับแผนธุรกิจปีนี้ ที่บริษัทกรุงเทพประกันภัยวางไว้เป็น ปีแห่งการพลิกฟื้นธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคาดจะพลิกกลับมามีกำไรก่อนหักภาษี (EBITDA) จำนวน 3,500 ล้านบาท มีเบี้ยรับรวมแตะ 30,000 ล้านบาท เติบโต 12.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY)
การบริหารธุรกิจประกันภัย เป้าหมายใหญ่คือต้องสร้างกำไรจากการรับประกันภัยเป็นหลัก โดยเฉลี่ยต้องมีสัดส่วนประมาณ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% เป็นกำไรจากการลงทุน แต่ในช่วงปีที่ไม่ปกติ เกิดสึนามิ น้ำท่วมใหญ่ โควิดระบาด กำไรจากการลงทุนจะสูงกว่ากำไรจากการรับประกันภัย เพราะเกิดความเปราะบางจากสถานการณ์เฉพาะ แต่ถ้าในปีปกติเราจะมีกำไรจากการขายหุ้นปีหนึ่งแค่ประมาณ 100-300 ล้านบาทเท่านั้น โดยจะอาศัยกำไรจากการรับประกันภัยเป็นหลัก
ดังนั้น ปีนี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยตั้งเป้าว่าจะมีกำไรจากการรับประกันภัยไม่น้อยกว่า 8% เทียบจากปีที่แล้ว หรือพลิกกลับมามีกำไรจากการรับประกันภัยประมาณ 2,400 ล้านบาท ตามเป้าเบี้ยรับรวมที่ 3 หมื่นล้านบาท และถ้าทำได้ดีควรจะมีกำไรจากการรับประกันภัยขึ้นไปถึง 12% แต่ความเปราะบางอาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างปีที่ยังมองไม่ออก เช่น ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ เป็นต้น ส่วนที่เหลือจะเป็นกำไรจากการลงทุนและรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล โดยเฉลี่ยจะมีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) อยู่ประมาณ 4-5%
กลยุทธ์การบริหารองค์กร บิ๊กบอส กล่าวว่า มาจากการขายหุ้น หุ้นบางอย่างอนาคตดี ก็เลยขาย บางหุ้นดี ก็ซื้อกลับมา เราซื้อหุ้นคืนมาบ้าง สำหรับหุ้นที่ขายไปเมื่อ 2-3ปีที่แล้ว ส่วนการลงทุนในปีนี้ ได้เตรียมเงินสดไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยดึงออกมาจากเงินฝากธนาคารที่มีอยู่กว่า 1 หมื่นล้านบาท ใช้กลยุทธ์ค่อย ๆ เข้าไปซื้อหุ้นเพื่อสะสม หรือค่อย ๆ สร้างเงินหมุนเวียนที่มากขึ้น เพราะใช้เงินสดจ่ายเคลมโควิดไปค่อนข้างมาก
โดยให้ความสนใจหุ้นธนาคารพาณิชย์ในตลาดหุ้นไทยเกือบทุกตัว คาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว จึงยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีตามภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น รวมไปถึงมองหุ้นผู้ผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ เพราะแม้ว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็ยังต้องใช้แสงสว่างจากหลอดไฟในการขับรถกลางคืน หรือหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่น่าจะรักษาระดับกำไรกลับมาได้ และหุ้นอาหารยังคงน่าสนใจอยู่ ส่วนการลงทุนอื่นๆที่น่าสนใจ เกจิด้านหุ้น การลงทุน แนะนำว่า "การลงทุน กลุ่มโรงพยาบาล พลังงาน หุ้นมีผลตอบแทนสูง"
การเข้าซื้อหุ้นต้องดูจังหวะที่เหมาะสม โดยจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดอกเบี้ยของสหรัฐมีโอกาสขึ้นอีกแค่ 1-2 ครั้ง และจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยประมาณกลางปีนี้ หลังจากนั้น ก็คาดว่าน่าจะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มได้ ซึ่งจะพิจารณาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือสม่ำเสมอ จะไม่ใช่หุ้นที่ราคาขึ้นเร็ว โดยการซื้อหุ้นจะดูเป็นการลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 3-5 ปี
ช่วงนี้กำลังมอนิเตอร์ภาวะตลาดหุ้นอยู่ว่าเราจะเริ่มซื้อหุ้นคืนมาบ้าง จากที่เราขายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยหุ้น BBL และ BLA ส่วนใหญ่ 70-80% เราซื้อคืนมาแล้ว แต่ BH เนื่องด้วยถือเกิน 10% เข้าไปซื้อเพิ่มไม่ได้ แต่ตัวหุ้นอื่น ๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าไปซื้อ เพราะเชื่อว่าความไม่แน่นอนของตลาดยังมีมาก หุ้นน่าจะตกอีก เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อ และความไม่แน่นอนของฐานะการเงินแบงก์ในอเมริกาและยุโรปที่จะคงมีปัญหาต่อ ซึ่งจะถูกกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ ปัจจุบันพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นตามราคาทุนของบริษัท มีสัดส่วนประมาณ 29% แต่หากปรับมูลค่าของหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (mark to market) จะมีสัดส่วน 60% ของพอร์ตลงทุนรวม ขณะที่เงินฝากประจำมีสัดส่วน 18% พันธบัตรรัฐบาล 8% หุ้นนอกตลาด 8% และที่เหลือเป็นอื่น ๆ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, กองทุนรวมตราสารทุน เป็นต้น"
หุ้นน่าจะเติบโตดี ส่วนสหรัฐอเมริกา การขึ้นดอกเบี้ยยังขึ้นต่อ ความไม่แน่นอนธนาคารในอเมริกา ยุโรป ยังคงมีปัญหาต่อ ชัย กล่าวว่า เศรษฐกิจ ตลาดหุ้น อะไรที่กระทบสหรัฐอเมริกา ไทยก็กระทบตามไปด้วย
นอกจากนี้ทิศทางของดอกเบี้ยในประเทศไทยนั้น "ผมคิดว่าดอกเบี้ย มีโอกาสขึ้นทั้งสองด้าน" นั่นคือ ดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้
สำหรับผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา เเม้จะสามารถขยายงานด้านเบี้ยประกันภัยรับรวมได้เกินเป้าหมาย โดยเติบโตจากปี 2564 ร้อยละ 8.8 หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 26,676.3 ล้านบาท และมีรายได้สุทธิจากการลงทุน 6,254.6 ล้านบาท เเต่เนื่องด้วยภาระผูกพันในการจ่ายเคลมสินไหมทดเเทนประกันภัยโควิด-19 ที่สิ้นสุดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ส่งผลทำให้บริษัทฯ ยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 638.4 ล้านบาท
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมทั้งปี 15.50 บาท บนพื้นฐานของการมีความมั่นคงทางการเงิน เเละมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 179.4 (ณ 30 ก.ย. 65) พร้อมยืนหยัดความแข็งแกร่งด้วยการรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ พ.ย. 65) โดย Standard & Poor's (S&P) สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลก
สำหรับเเนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 กรุงเทพประกันภัยประเมินว่าภาพรวมธุรกิจจะได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีเเนวโน้มจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า หลังผ่านพ้นช่วงวิกฤติการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เเละกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลกกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ โดยธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับประโยชน์จากยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปี 2566 ที่คาดว่าจะเติบโตเป็นบวกต่อเนื่องเป็นปีที่สอง
ก้าวย่างต่อไปของกรุงเทพประกันภัยนั้น เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และดูแลลูกค้าอย่างเอาใจใส่ เน้นนวัตกรรมใหม่ๆ บริหารองค์กรด้วยทีมผู้บริหารมืออาชีพ
|