Go to www.iclicknews.com
World-ASEAN News

กรุงไทย - แอกซ่า ประกันชีวิต คว้าอันดับ 1
      ใน AXA International Market และอันดับ 1 ในเอเชียอาคเนย์
      ต่อเนื่อง 9 ปีซ้อน ด้านความรับผิดชอบต่อองค์กร (CR)
เกจิ 'ชี้' ไทยเสี่ยงปานกลาง Tariffs
เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนจัดงาน
      “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025”
BKIH ไตรมาส 1 ปี 2568 กำไร 571.4 ล้าน
      ไฟเขียวจ่ายปันผล 3.75 บาทต่อหุ้น
เปิดตัว “3M” ยกระดับ'คุณค่า' จัดงานในไทย

กรุงไทย - แอกซ่า ประกันชีวิต คว้าอันดับ 1 ใน AXA International Market
และอันดับ 1 ในเอเชียอาคเนย์ต่อเนื่อง 9 ปีซ้อน ด้านความรับผิดชอบต่อองค์กร (CR)
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Green Insurer คว้าอันดับ 1 ใน AXA International Market และอันดับ 1 ในเอเชียอาคเนย์ติดต่อกัน 9 ปีซ้อน ในด้านความรับผิดชอบต่อองค์กร (CR) จากการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนด้านความรับผิดชอบต่อองค์กรของกลุ่มแอกซ่า (AXA Sustainability Index 2024) ด้วยคะแนนสูงสุดในเอเชียถึง 82.86 คะแนน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ในฐานะผู้นำด้านบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม “Green Insurer” และเป็นการตอกย้ำจุดยืนของบริษัทฯ ในการสนับสนุนให้ทุกคนร่วมกันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์ และความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล ผ่านโครงการระยะยาวต่างๆ อาทิ โครงการ Save Our Sea ที่สนับสนุนการอนุบาลเต่าทะเล ปลูกป่าชายเลน และการให้ความรู้ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลกับเยาวชนไทย พร้อมทั้งโครงการ Save Our River ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนเรือไฟฟ้า (EV boat) และติดตั้งถังขยะรีไซเคิล เพื่อช่วยการจัดการขยะจากต้นทางก่อนไหลลงสู่แม่น้ำและทะเล บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการช่วยลดขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 43 ตันต่อปีจากการจัดการขยะบนเรือ
โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นในการช่วยเหลือสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอดมา พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ของบริษัทฯ ได้ที่https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ สอบถามได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1159 หรือ อีเมล Customer.care@krungthai-axa.co.th

Go To Lead


เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนจัดงาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025”
บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวนาเดีย สุทธิกุลพานิช รองกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา สถาบันชั้นนำระดับโลกด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เมืองไทยประกันชีวิตให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้เป็นปีที่ 2 โดยเล็งเห็นถึง โอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงนวัตกรรมสุขภาพกับธุรกิจประกันชีวิต ผ่านการสร้างระบบนิเวศทางสุขภาพแบบบูรณาการ (Health Ecosystem) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาแบบประกันและบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและเฉพาะบุคคล (Personalized & Preventive Healthcare)นำเทคโนโลยีและข้อมูลจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Hackathon ไปปรับใช้ในการบริหารความเสี่ยงและยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ส่งเสริมบทบาทของบริษัทในฐานะ ผู้นำด้านการประกันสุขภาพยุคใหม่ (Health Partner) ที่ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครอง แต่ยังร่วมดูแลสุขภาพชีวิตลูกค้าอย่างรอบด้าน
ที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิตได้จัดตั้ง Fuchsia VC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนในธุรกิจ Startup ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจและสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบสุขภาพและธุรกิจประกันชีวิตในระยะยาว #เมืองไทยประกันชีวิต #MuangThaiLife
ทั้งนี้ งาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเปิดเวทีการแข่งขัน Hackathon แบบเข้มข้น ระดมไอเดียค้นหาสุดยอดนวัตกรรมโซลูชั่นอย่างยั่งยืนด้านการรักษาและบริการสุขภาพระดับนานาชาติ พร้อมจัดตั้งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะเวลา 3 ปี เพื่อวางรากฐานให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยการแข่งขัน Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025 Hackathon ครั้งที่สอง จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 Hackathon ครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมจากหลากหลายสาขาวิชา มารวมทีมและทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในประเด็น “โรคเรื้อรัง” (Chronic Disease) และ “สุขภาพจิต” (Mental Health) ตลอดช่วงสุดสัปดาห์และต่อเนื่องถึงงานประชุม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ นักเทคโนโลยี นักออกแบบ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน จะร่วมกันพัฒนาแนวทางแก้ไขที่น่าสนใจต่อความท้าทายด้านสุขภาพทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

Go To Lead


BKIH ไตรมาส 1 ปี 2568 กำไร 571.4 ล้าน ไฟเขียวจ่ายปันผล 3.75 บาทต่อหุ้น
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 571.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 5.37 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568
ปัจจุบันบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) มีบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้เป็นอย่างดีแม้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) กรุงเทพประกันภัยมีรายได้จากการประกันภัย 8,142.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 7,832.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 309.8 ล้านบาท ลดลง 266.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 46.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 576.6 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 440.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.7 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 665.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.2 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 564.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.9 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 5.30 บาท

Go To Lead


วิริยะประกันภัย- มูลนิธิเมาไม่ขับ-ศิลปินไทย “Mackcha” เจ้าของคาแรกเตอร์ “Chalotte”
ที่มีชื่อเสียงดังไกลถึงต่างประเทศ มาร่วมออกแบบ “หมวกนิรภัยวัยใส” ยกระดับความปลอดภัย
นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้านประกันวินาศภัย และยืนหยัดเคียงคู่สังคมไทยมายาวนานกว่า 78 ปี ไม่เพียงมุ่งมั่นในการดูแลและบริหารความเสี่ยงให้กับผู้เอาประกันภัยเท่านั้น แต่บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกมิติของสังคม ทั้งด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านศาสนาและวัฒนธรรม การช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลนิธิเมาไม่ขับ เป็นภาคีเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันมายาวนานกว่า 20 ปี
ด้วยตระหนักถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโดยสารรถจักรยานยนต์ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิเมาไม่ขับ จึงผนึกความร่วมมือในการดำเนินโครงการ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100%” ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
“การดำเนินโครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100% มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยและวินัยจราจรในกลุ่มเด็กเล็ก รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้แก่กลุ่มผู้ปกครอง ครู จ้าหน้าที่ที่ดูแลเด็ก ให้เกิดความตื่นตัวในการสวมหมวกนิรภัยให้กับเด็กเล็กและตนเองทุกครั้งเมื่อเดินทาง” อีกหนึ่งความพิเศษของโครงการ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100%” ในปีนี้ คือ การคอลแลปส์กับศิลปิน Mackcha - ชรารัตติ์ สาระอาภรณ์ ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีผลงานศิลปะโด่งดังอย่างคาแรกเตอร์ “Chalotte” (ชาล็อต) ซึ่งเป็นที่รู้จักของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดย Mackcha ได้นำผลงาน “Chalotte และผองเพื่อน” ซึ่งมีคาแรกเตอร์ที่สดใสเป็นมิตร มาร่วมสร้างสรรค์และพัฒนาหมวกนิรภัยสำหรับเด็กในครั้งนี้

Go To Lead


เปิดตัว “3M” ยกระดับ'คุณค่า' จัดงานในไทย
นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า แคมเปญและองค์ประกอบ 3M ทีเส็บมุ่งมั่นที่จะนำเสนอพัฒนาการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกธุรกิจอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับการจัดงานในประเทศไทย ให้การเข้ามาจัดงานได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุนและได้รับประสบการณ์ที่เกินคุ้ม จากการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมไมซ์เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและตอบโจทย์โลกธุรกิจ ในที่สุดทีเส็บได้สรรค์สร้างแคมเปญ “Meet in Thailand, Your Success, Your Moment” นำเสนอองค์ประกอบหลัก 3M ได้แก่ MaxiMICE, Meaningful และ Memorable เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีทรัพยากรที่ได้รับการยกระดับและพร้อมใช้สำหรับการสร้างสรรค์และการนิยามการจัดงานในประเทศไทยในมุมมองที่แตกต่าง
MaxiMICE – แนวคิดนี้เป็นการเชิญชวนลูกค้าให้เข้ามาเลือกสรรและใช้ประโยชน์จากพัฒนาการและทางเลือกใหม่ ๆ ของผลิตภัณฑ์และบริการในประเทศไทยที่จะทำให้การจัดงานคุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งเที่ยวบินจากต่างประเทศสู่ประเทศไทยที่มีจำนวนมากขึ้น เมืองที่พร้อมและมีศักยภาพรองรับการจัดงานมีมากขึ้น การลงทุนเปิดโรงแรมที่พักใหม่ ๆ ทำให้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับสถานที่จัดงานแนว Unconventional บุคลากรไมซ์ที่ได้รับการรับรองวิชาชีพและสถานประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานมีมากขึ้น กิจกรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น พร้อมด้วยการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากภาครัฐ Meaningful – แนวคิดนี้ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของทีเส็บในการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ภายใต้กรอบการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance - ESG) ซึ่งเสนอความเป็นไปได้ให้ลูกค้าสามารถจัดงานที่มีเป้าประสงค์ที่คมชัดขึ้น คือสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง โดยเฉพาะในประเด็นความยั่งยืน ประเทศไทยได้พัฒนาเส้นทางไมซ์คาร์บอนต่ำ ผู้ประกอบการไมซ์ที่ได้รับการรับรองการบริหารจัดการงานที่ยั่งยืน หน่วยงานมืออาชีพในการออกแบบ ตรวจสอบ และรับรองผลของการจัดงานอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่ออกแบบให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมหรือเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นในทุกเมืองไมซ์และจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพอื่น ๆ ทั่วประเทศ Memorable – ด้วยชื่อเสียงด้านการบริการ ความสามารถในการปรับตัว และต้นทุนวัฒนธรรมที่หลากหลาย ประเทศไทยพร้อมสร้างงานที่ส่งมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่า เพราะด้วยเครือข่ายที่กว้างขวางของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคอุตสาหกรรมเชิงความคิดสร้างสรรค์ นักออกแบบงาน ชุมชนท้องถิ่นที่สนใจในอุตสาหกรรมไมซ์ และผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยจึงสามารถช่วยลูกค้าให้สร้างสรรค์งานที่มีการผสมผสานกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ การผสมผสานธุรกิจและการพักผ่อนได้อย่างลงตัว การจัดงานที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รวมไปถึงการบริการแบบมี Human Touch ที่จะสร้างความทรงจำที่ยั่งยืน

Go To Lead

  --  
iClickNews.com